หนี้
หนี้
เมื่อบุคคลอยู่รวมกันย่อมจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กันโดยอาจอยู่ในรูปแบบของการให้กระทำ / งดเว้นการกระทำบางอย่างหรืออาจมีการส่งมอบทรัพย์สินแก่กันด้วยเหตุเหล่านี้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์จึงกำหนดบทบัญญัติเรื่อง “หนี้” ขึ้น
1.1 ลักษณะสำคัญ
- มีเจ้าหนี้และลูกหนี้ โดยเจ้าหนี้ชอบที่จะได้รับชำระหนี้จากลูกหนี้
- มีความผูกพันในทางกฎหมายอันก่อให้เกิดสิทธิ หน้าที่ เช่น เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้เมื่อถึงกำหนด
- มีวัตถุแห่งหนี้อันเป็นข้อกำหนดที่ว่า “ลูกหนี้ต้องปฏิบัติการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้อย่างไร” ได้แก่
· การส่งมอบทรัพย์สิน เช่น ฟ้าซื้อคอมพิวเตอร์จากฝน ฝนเป็นลูกหนี้ในอันที่ต้องส่ง มอบคอมพิวเตอร์นั้นแก่ฟ้า
· การให้กระทำ เช่น ขาวรับจ้างสร้างบ้านให้แก่ดำ ขาวเป็นหนี้ในอันที่จะต้องสร้าง บ้านเช่นว่า วัตถุแห่งหนี้ในกรณีนี้ คือ การสร้างบ้าน
· การงดเว้นการกระทำ เช่น นายจ้างกับลูกจ้างทำสัญญาห้ามแข่งขันกับนายจ้าง
1.2 องค์ประกอบของหนี้
องค์ประกอบของหนี้มี 3 ประการ ได้แก่
1.2.1 นิติสัมพันธ์ หมายถึง ความผูกพันทางกฎหมายที่จะก่อให้เกิดหนี้และมีผลทำให้เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้
1.2.2 เจ้าหนี้และลูกหนี้ ความผูกพันกันทางกฎหมายและก่อให้เกิดหนี้จะต้องมีบุคคล 2 ฝ่าย คือ เจ้าหนี้ และ ลูกหนี้
1.2.3 วัตถุแห่งหนี้ หมายถึง ข้อกำหนดว่าลูกหนี้จะต้องปฏิบัติการชำระหนี้แก่เจ้าหนี้อย่างไร ซึ่งได้แก่ ต้องกระทำการ งดเว้นการกระทำ หรือ ต้องส่งมอบทรัพย์สิน
(1) กรณีวัตถุแห่งหนี้เป็นทรัพย์
1. หากกำหนดทรัพย์ที่เป็นวัตถุแห่งการชำระหนี้ถึงเวลาต้องชำระ
2. หากกำหนดเป็นแค่ประเภท ไม่ระบุชัดเจนให้ลูกหนี้ส่ง “ทรัพย์ชนิดปานกลาง”
(2) กรณีวัตถุแห่งการชำระหนี้เป็นเงินตรา
หากเป็นเงินต่างประเทศ ลูกหนี้สามารถชำระเป็นเงินได้ คำนวณเงินต่างประเทศให้เป็นเงินไทย
(3) กรณีวัตถุแห่งการชำระหนี้มีหลายอย่าง
กฎหมายให้สิทธิลูกหนี้เป็นผู้เลือกและต้องเลือกภายในเวลาที่กำหนด
1.3 บ่อเกิดของหนี้
1.3.1 หนี้ที่เกิดจากนิติกรรม หมายถึง การแสดงเจตนาของบุคคลที่จะก่อให้เกิดหนี้ขึ้นตามกฎหมาย บ่อเกิดหนี้สำคัญที่สุด เช่น สัญญาซื้อขาย , ขายฝาก , เช่าทรัพย์ เป็นต้น
1.3.2 หนี้ที่เกิดจากนิติเหตุ มี 4 กรณี ดังต่อไปนี้
1) การจัดงานนอกสั่ง หมายถึง การที่บุคคลหนึ่งเรียกว่า “ผู้จัดการ” เข้าทำกิจการแทนบุคคลอีกคนหนึ่งซึ่งเรียกว่า “ตัวการ” โดยที่เขามิได้ใช้ให้ทำ ถ้าเป็นผลประโยชน์ของ “ตัวการ” สามารถเรียกค่าใช้จ่ายได้
2) ลาภมิควรได้ บุคคลใดได้ทรัพย์ของเขามาโดยไม่มีมูลจะอ้างได้และเป็นทางให้บุคคลอื่นเสียเปรียบ บุคคลนั้นต้องคืนทรัพย์ให้เจ้าของไป
3) ละเมิด การที่บุคคลใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สิน
4) บทบัญญัติแห่งกฎหมาย บางกรณีกฎหมายกำหนดหนี้ไว้โดยเฉพาะ เช่น ผู้มีรายได้ต้องเสียภาษีแก่รัฐ , บุตรต้องเลี้ยงดูบิดามารดา
1.4 ผลแห่งหนี้
เมื่อหนี้มีผลตามกฎหมายแล้ว เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้ได้ เมื่อหนี้ดังกล่าวถึงกำหนดและลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ ชำระไม่ตรงตามกำหนดหรือชำระไม่ตรงตามมูลหนี้ เจ้าหนี้ย่อมมีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้หรือชดใช้ค่าสินไหมแทนได้
กรณี เมื่อครบกำหนดการชำระหนี้ หากเจ้าหนี้ได้เรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้และลูกหนี้ได้ชำระตามวัตถุแห่งหนี้แล้ว หนี้เป็นอันระงับไป กรณีตรงกันข้ามหากลูกหนี้ไม่ยอมชำระหนี้กฎหมายก็ให้สิทธิเจ้าหนี้ที่จะร้องขอต่อศาล ให้ศาลบังคับให้ชำระหนี้ได้ และหากการไม่ชำระหนี้นั้นทำให้เจ้าหนี้ต้องเสียหาย เจ้าหนี้ก็มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้
หากการชำระหนี้ เป็นการกระทำเฉพาะตัวของลูกหนี้ และลูกหนี้ผิดนัดไม่ได้ชำระหนี้ตามมูลเหตุแห่งหนี้ เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายได้
กรณีที่การชำระหนี้เป็นการงดเว้นการกระทำ กฎหมายให้อำนาจเจ้าหนี้ที่จะเรียกร้องให้รื้อถอนการที่ได้กระทำลงไปแล้ว โดยฝ่ายลูกหนี้ต้องเสียค่าใช้จ่ายและให้จัดการอันควรเพื่อการภายหน้าด้วยก็ได้
1.5 การผิดนัด
การผิดนัด สามารถแยกพิจารณาได้เป็น 2 กรณี ดังนี้
กรณีที่ 1 การผิดนัดของลูกหนี้
การผิดนัดของลูกหนี้เกิดขึ้นหลังจากที่หนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว แต่ลูกหนี้ยังไม่ชำระหรือชำระล่าช้าซึ่งลูกหนี้จะต้องรับผิด การผิดนัดของลูกหนี้จะต้องประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้
1. หนี้ถึงกำหนดชำระแล้ว หากไม่มีกำหนดเวลา เจ้าหนี้สามารถเรียกชำระหนี้ได้ทันที
2. เจ้าหนี้เตือนให้ลูกหนี้ชำระหนี้ หากลูกหนี้ไม่ชำระหนี้ตามเวลาและเจ้าหนี้เตือนแล้ว อาจเตือนด้วยวาจา ลายลักษณ์อักษร
ข้อยกเว้นที่เจ้าหนี้ไม่ต้องเตือน ได้แก่
1) กรณีกำหนดเวลาชำระหนี้ไว้ตามวันแห่งปฏิทิน
2) หนี้มูลละเมิด เจ้าหนี้ไม่ต้องเตือนเพราะลูกหนี้ได้ชื่อว่าผิดนัดตั้งแต่เวลาทำละเมิดแล้ว
ผลของการที่ลูกหนี้ผิดนัด
เมื่อลูกหนี้ผิดนัด นอกจากกฎหมายจะบัญญัติให้ลูกหนี้ต้องปฏิบัติการชำระหนี้เท่าที่ทำได้แล้ว ลูกหนี้ยังต้องรับผิดเป็นพิเศษอีก ได้แก่
1) ลูกหนี้ต้องรับผิดค่าสินไหมทดแทนการไม่ชำระหนี้
2) เจ้าหนี้บอกปัดไม่รับชำระหนี้ได้
3) ลูกหนี้ต้องรับผิดในความเสียหาย
4) ลูกหนี้ต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ยในหนี้สิน คิดในระหว่างผิดนัดร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี
กรณีที่ 2 การผิดนัดของเจ้าหนี้
การผิดนัดของเจ้าหนี้ ได้แก่ กรณีที่เจ้าหนี้ไม่รับชำระหนี้หรือไม่เสนอชำระหนี้ตอบแทน โดยไม่มีเหตุที่จะอ้างตามกฎหมายได้ มีผลทำให้ลูกหนี้ไม่ตกเป็นฝ่ายผิดนัดและอาจหลุดพ้นความผิดได้ การผิดนัดของเจ้าหนี้แยกพิจารณา ได้ดังนี้
1. เจ้าหนี้ผิดนัด เพราะไม่รับชำระหนี้
2. เจ้าหนี้ผิดนัด เพราะไม่เสนอที่จะทำการชำระหนี้ตอบแทน
ผลของการที่เจ้าหนี้ผิดนัด
1) เจ้าหนี้จะเรียกดอกเบี้ยในหนี้เงินระหว่างผิดนัดไม่ได้
2) ลูกหนี้หลุดพ้นจากความผิดทั้งปวง อันเกิดจากการไม่ชำระหนี้
1.6 ลูกหนี้หลายคนและเจ้าหนี้หลายคน
1. หนี้อันแบ่งชำระกันได้
หากมีเจ้าหนี้หลายคน เจ้าหนี้แต่ละคนต่างมีสิทธิเรียกร้องและจะได้รับการชำระหนี้ในส่วนที่เท่าๆกัน หรือหากมีลูกหนี้หลายคน ลูกหนี้แต่ละคนก็ต้องรับผิดชำระหนี้เป็นส่วนเท่าๆกัน
2. เจ้าหนี้ร่วมและลูกหนี้ร่วม
หากเป็นหนี้ที่บุคคลหลายคนต้องร่วมผูกพันตนชำระหนี้จนครบถ้วนเรียกว่า ลูกหนี้ร่วม และถ้าเป็นหนี้ที่บุคคลหลายคนมีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระหนี้จนกว่าจะครบถ้วนเรียกว่า เจ้าหนี้ร่วม
2.1 ลูกหนี้ร่วม
กรณีของลูกหนี้หลายคนหรือลูกหนี้ร่วมทุกคนจะต้องชำระหนี้โดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าเจ้าหนี้จะเรียกให้ชำระเพียงครั้งเดียว ลูกหนี้ทุกคนยังคงต้องผูกพันอยู่จนกว่าหนี้จะได้รับการชำระ
ผลของการเป็นลูกหนี้ร่วม
1) เจ้าหนี้มีสิทธิเรียกร้องให้ลูกหนี้คนใดคนหนึ่งจากจำนวนลูกหนี้ทั้งหมดแต่เพียงคนเดียวก็ได้
2) การที่ลูกหนี้ร่วมคนหนึ่งชำระหนี้ ย่อมเป็นประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่นด้วย
3) การที่เจ้าหนี้ปลดหนี้ให้แก่ลูกหนี้ร่วมคนหนึ่ง ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่นๆ
4) การที่เจ้าหนี้ผิดนัดต่อลูกหนี้ร่วมคนหนึ่งนั้น ย่อมเป็นคุณประโยชน์แก่ลูกหนี้คนอื่นด้วย
5) การที่หนี้เกลื่อนกลืนสำหรับลูกหนี้ร่วมคนใดคนหนึ่ง เป็นคุณเฉพาะลูกหนี้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ร่วม
1) ลูกหนี้ร่วมแต่ละคนจะต้องรับผิดเป็นส่วนๆเท่ากัน ถ้าส่วนที่ลูกหนี้คนใดคนหนึ่งต้องชำระแต่เรียกเอาจากลูกหนี้คนนั้นไม่ได้ ลูกหนี้คนอื่นต้องช่วยกันรับผิด
2) ถ้าลูกหนี้ร่วมคนใดชำระหนี้แก่เจ้าหนี้เกินส่วนไปแล้ว ลูกหนี้คนนั้นย่อมรับสิทธิจากเจ้าหนี้ฟ้องไล่เบี้ยส่วนดังกล่าวจากลูกหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระหนี้
2.2 เจ้าหนี้ร่วม
ได้แก่ กรณีที่เป็นมูลหนี้รายเดียวกันโดยมีเจ้าหนี้หลายคน เจ้าหนี้แต่ละคนมีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้แก่ตนทั้งหมด
ผลของการเป็นเจ้าหนี้ร่วม
1) การที่ลูกหนี้ร่วมชำระหนี้ต่อเจ้าหนี้ร่วมคนหนึ่ง ย่อมมีผลถึงเจ้าหนี้ร่วมคนอื่นด้วย
2) เจ้าหนี้ร่วมมีสิทธิเรียกให้ลูกหนี้ชำระหนี้ทั้งหมดแก่ตนเพียงผู้เดียว โดยไม่ต้องให้เจ้าหนี้ร่วมยินยอม
3) เมื่อเจ้าหนี้ร่วมคนใดผิดนัดย่อมเป็นโทษแก่เจ้าหนี้ร่วมคนอื่นด้วย
4) เจ้าหนี้ร่วมคนหนึ่งโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่บุคคลอื่นย่อมไม่กระทบสิทธิเจ้าหนี้อื่น
3. หนี้ที่แบ่งชำระไม่ได้
3.1 กรณีของหนี้ที่แบ่งชำระไม่ได้ที่มีลูกหนี้หลายคน
ให้บุคคลที่เป็นลูกหนี้เหล่านั้นต้องรับผิดชอบอย่างลูกหนี้ร่วม เพราะไม่มีหนทางที่จะแบ่งแยกชำระหนี้กันได้
3.2 กรณีของหนี้ที่แบ่งชำระไม่ได้ที่มีเจ้าหนี้หลายคน
ลูกหนี้จะชำระหนี้ให้ได้ประโยชน์แก่เจ้าหนี้ด้วยกันทั้งหมดและเจ้าหนี้แต่ละคนเรียกชำระหนี้ก็ได้แต่เพื่อประโยชน์ด้วยกันหมดทุกคนเท่านั้น
1.7 ความระงับแห่งหนี้
1. การชำระหนี้
การที่ลูกหนี้ได้ชำระหนี้ถูกต้องตามความประสงค์ของเจ้าหนี้
2. การปลดหนี้
เจ้าหนี้ยินยอมยกหนี้ให้ลูกหนี้ โดยไม่เรียกร้องค่าตอบแทนต้องทำเป็นหนังสือ
3. หักลบกลบหนี้
ต้องเป็นวัตถุอย่างเดียวกัน
4. แปลงหนี้ใหม่
การระงับหนี้เก่าแต่มีหนี้ใหม่เกิดขึ้น
5. หนี้เกลื่อนกลืนกัน
สิทธิและหน้าที่ของเจ้าหนี้และลูกหนี้ได้มารวมกันอยู่ในบุคคลเดียวกัน