กฎหมายเบื้องต้น
กฎหมายเบื้องต้น
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกฎหมายไทย
1. พัฒนาการของกฎหมายไทย : แบ่งเป็น 4 ช่วง ได้แก่
สุโขทัย : หลักศิลาจารึกเป็นหลักฐานที่แสดงว่าไทยมีกฎหมายบังคับใช้ในสังคม เพราะมีการกล่าวถึงระบบกระบวนการยุติธรรม ระบบชนชั้นและการให้อิสระในการทำมาหากินด้วย
อยุธยา : ได้รับอิทธิพลเรื่องกฎหมายจากอินเดีย (ผ่านทางขอม) โดยคัมภีร์พระธรรมศาสตร์ทำให้เกิดแนวคิดความเชื่อว่าพระมหากษัตริย์คือ “สมมติเทพ”
รัตนโกสินทร์ : ในสมัยรัชกาลที่ 1 มีการสังคายนารวบรวมกฎหมายที่ใช้บังคับในสมัยอยุธยาเป็นกฎหมายตราสามดวง เพื่อเป็นคู่มือของผู้ใช้กฎหมาย แต่ไม่ได้มีไว้ให้คนทั่วไปศึกษา
ยุคปฏิรูปกฎหมาย : การจัดทำประมวลกฎหมายอาญา ร.ศ.127 เป็นการปฏิรูปกฎหมายซึ่งเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้คืนมาซึ่ง “สิทธิสภาพนอกอาณาเขต” เนื่องจากระบบกระบวนการพิจารณาและการลงโทษของไทยนั้นป่าเถื่อน ไม่เป็นที่ยอมรับของชาติตะวันตก
2. ลักษณะทั่วไปของกฎหมาย
1) เป็นคำสั่ง/ข้อบังคับ : ประชาชนทุกคนต้องปฏิบัติตาม เพราะไม่ใช่เพียงการขอความร่วมมือเท่านั้น
2) มาจากรัฏฐาธิปัตย์ : หรือ “ผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐ” ได้แก่ ประชาชนซึ่งใช้สิทธิในการเลือกตัวแทนของตนเข้าไปทำหน้าที่ในการพิจารณาและออกกฎหมายเพื่อบังคับใช้ในสังคม
3) ต้องมีสภาพบังคับ : การบัญญัติบทลงโทษไว้สำหรับการฝ่าฝืนคำสั่งหรือข้อบังคับนั้น
4) ต้องใช้ได้ทั่วไป : เมื่อประกาศใช้แล้วจะใช้บังคับกับทุกคนโดยเสมอภาคกัน เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติยกเว้นไว้โดยเฉพาะ เช่น การได้รับเอกสิทธิตามกฎหมายระหว่างประเทศของคณะทูต เป็นต้น
5) ต้องใช้บังคับได้เสมอไป : เมื่อประกาศใช้แล้วจะบังคับได้ตลอดไปจนกว่าจะมีกฎหมายใหม่ซึ่งลำดับศักดิ์เท่ากันหรือสูงกว่าออกมายกเลิกหรือแก้ไข ดังนั้นไม่ว่ากฎหมายนั้นจะไม่ได้ใช้มานานเพียงใดก็ไม่มีผลในการยกเลิกกฎหมาย “กฎหมายนอนหลับแต่ไม่ตาย”
3. ระบบกฎหมาย
ระบบกฎหมายจารีตประเพณี : เป็นระบบที่ใช้กันในเครือจักรภพอังกฤษและในสหรัฐอเมริกา โดยจะใช้คำพิพากษาที่ศาลเคยวางหลักไว้แล้วเป็นหลักในการพิจารณา ระบบนี้มีกฎหมายที่บัญญัติโดยรัฐสภาเช่นเดียวกับประเทศที่ใช้ระบบประมวลกฎหมาย แต่ระบบกฎหมายทั่วไปนี้ จะให้อำนาจผู้พิพากษาในการตีความกฎหมายอย่างมาก จึงลดทอนความสำคัญของกฎหมายของรัฐสภาลง และจะตีความในลักษณะจำกัดเท่าที่ลายลักษณ์อักษรไว้บัญญัติเท่านั้น ตัวอย่างประเทศที่ใช้ระบบนี้ในปัจจุบันนั้น ได้แก่ เครือจักรภพอังกฤษ, สหรัฐอเมริกา, แคนาดา, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, อินเดีย เป็นต้น
ระบบประมวลกฎหมาย : เป็นระบบที่ใช้กันในภาคพื้นทวีปยุโรป โดยมีหลักกฎหมายซึ่งสืบทอดมาจากหลักกฎหมายโรมัน ในการเรียนการสอนกฎหมายของบางประเทศ เช่น เยอรมันจะต้องเรียนรู้ภาษาลาตินก่อนจึงจะสามารถเรียนกฎหมายได้ ประมวลกฎหมายสำคัญซึ่งเป็นที่ยอมรับกันและเป็นตัวอย่างให้กับนานาประเทศ ได้แก่ ประมวลกฎหมายแพ่งฝรั่งเศส ระบบกฎหมายนี้ ผู้พิพากษาสามารถตีความกฎหมายลายลักษณ์อักษรในลักษณะขยายความได้ โดยมีหลักว่า ผู้พิพากษาจะต้องค้นหากฎหมายที่จะนำมาตัดสินคดีความจากกฎหมายลายลักษณ์อักษรก่อน หากไม่ได้จึงจะใช้หลักกฎหมายทั่วไป และกฎหมายจารีตประเพณี ตัวอย่างประเทศที่ใช้ระบบนี้ในปัจจุบันนั้น ได้แก่ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี ญี่ปุ่น ประเทศสแกนดิเนเวีย รวมทั้งประเทศไทย เป็นต้น
ระบบกฎหมายไทย : เป็นระบบกฎหมายลายลักษณ์อักษร แต่หากมี “ช่องว่างทางกฎหมาย” กล่าวคือ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ได้วางระบบการอุดช่องว่างทางกฎหมายไว้เป็นลำดับขั้นตอน ดังนี้
1) จารีตประเพณีแห่งท้องถิ่น
- เป็นจารีตประเพณีที่บุคคลในท้องถิ่นถือปฏิบัติกันทั่วไป
- เป็นจารีตประเพณีที่ปฏิบัติกันมาสม่ำเสมอเป็นเวลานาน
- เป็นจารีตประเพณีที่ไม่ขัดต่อกฎหมายและไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน
- เป็นจารีตประเพณีที่มีเหตุผลและเป็นธรรม
2) กฎหมายที่ใกล้เคียงอย่างยิ่ง
บทกฎหมายลายลักษณ์อักษรที่มี “เจตนารมณ์เป็นอย่างเดียวกัน” กับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น
3) หลักกฎหมายทั่วไป
หลักการอันเป็นรากฐานหรือที่มาของบทกฎหมายในทางแพ่ง เช่น หลักสุจริต, หลักสัญญาต้องเป็นสัญญา, หลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน เป็นต้น
การใช้กฎหมาย
กฎหมายใช้กับใคร >>>>> ใช้กับทุกคนที่อาศัยอยู่ในรัฐ
กฎหมายใช้ที่ไหน >>>>> ใช้ในราชอาณาจักร
ราชอาณาจักร ได้แก่
1. ส่วนของประเทศที่เป็นพื้นดิน แม่น้ำ ลำคลอง หนอง บึง
2. ส่วนของทะเลอันเป็นอ่าวไทย และส่วนที่ห่างออกจากชายฝั่ง 200 ไมล์ทะเล
3. พื้นอากาศ เหนือ ข้อ 1 และ 2
*** สำหรับการกระทำความผิดบนอากาศยานไทยและเรือไทย ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนให้ถือว่ากระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย และจะถูกลงโทษโดยกฎหมายไทย
การแบ่งประเภทของกฎหมาย
การแบ่งประเภทกฎหมายตามลักษณะการใช้กฎหมายต้องคำนึงถึงบทบาทและหน้าที่การนำเอากฎหมายไปใช้เป็นหลัก ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ กฎหมายสารบัญญัติและกฎหมายวิธีสบัญญัติ
1. กฎหมายสารบัญญัติ คือ กฎหมายที่บัญญัติถึงสิทธิและหน้าที่ของบุคคลกำหนดข้อบังคับความประพฤติของบุคคลทั้งในทางแพ่งและในทางอาญาโดยเฉพาะในทางอาญา คือประมวลกฎหมายอาญาจะ บัญญัติ ลักษณะการกระทำอย่างใดเป็นความผิดระบุองค์ประกอบความผิดและกำหนดโทษไว้ว่าจะต้องรับโทษอย่างไรและในทางแพ่ง คือประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะกำหนดสาระสำคัญของบท บัญญัติว่าด้วยนิติสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในฐานะต่าง ๆ ตามกฎหมาย เช่น นิติกรรม หนี้ สัญญา เอกเทศสัญญา เป็นต้น
2. กฎหมายวิธีสบัญญัติ คือ กฎหมายที่บัญญัติถึงวิธีการปฏิบัติด้วยการนำเอากฎหมายสารบัญญัติไปใช้ไปปฏิบัตินั่นเอง เช่น ไปดำเนินคดีในศาลหรือเรียกว่ากฎหมายวิธีพิจารณาความก็ได้กฎหมายวิธีสารบัญญัติจะกำหนดระเบียบระบบขั้นตอนในการใช้ เช่น กำหนดอำนาจเจ้าหน้าที่ของรัฐในการดำเนินคดีอาญาต่อผู้ต้องหา วิธีการร้องทุกข์ วิธีการสอบสวนวิธีการนำคดีที่มีปัญหาฟ้องต่อศาล วิธีการพิจารณาคดีต่อสู้คดี ในศาลรวมทั้งการบังคับคดีตามคำสั่ง หรือคำพิพากษาของศาล เป็นต้น กฎหมายวิธีสบัญญัติ จะกำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งเป็นหลัก
ประเภทแบ่งตามบทบัญญัติในกฎหมายที่มีความสัมพันธ์กับประชาชน คือ กฎหมายที่บัญญัติถึงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปฏิบัติด้วยกัน เช่น ความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชนด้วยกันเอง หรือความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชน คือ เจ้าหน้าที่รัฐกับเอกชน แยกได้เป็น 3 ประเภท คือ กฎหมายมหาชน กฎหมายเอกชน และกฎหมายระหว่างประเทศ
1. กฎหมายมหาชน เป็นกฎหมายที่รัฐตราออกใช้กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับ ประชาชนการบริหารประเทศรัฐมีฐานะเป็นผู้ปกครองประชาชนด้วยการออกกฎหมายและให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยแก่สังคมจึงตรากฎหมายประเภทมหาชนซึ่งเกี่ยวข้องกับประชาชนเป็นส่วนรวมทั้งประเทศ และทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายจะมีผลกระทบต่อบุคคลของประเทศเป็นส่วนรวม จึงเรียกว่า กฎหมายมหาชน กฎหมายประเภทนี้ ได้แก่ กฎหมายรัฐธรรมนูญ กฎหมายปกครอง เช่น พระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน กฎหมายอาญา เป็นต้น
2. กฎหมายเอกชน เป็นกฎหมายที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับเอกชน ด้วยกันเองเป็นความสัมพันธ์ในเรื่องสิทธิและหน้าที่ระหว่างคู่สัญญา คือ เอกชนด้วยกันเอง รัฐไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย เพราะไม่มีผลกระทบต่อสังคมส่วนรวมจึงให้ประชาชนมีอิสระกำหนดความสัมพันธ์ระหว่างกันภายในกรอบของกฎหมายเพื่อคุ้มครองความเสมอภาคมิให้เอาเปรียบต่อกันจนเกิดความไม่เป็นธรรมขึ้นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน กฎหมายเอกชน ได้แก่ กฎหมายแพ่งทั้งหลายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เป็นต้น
3.กฎหมายระหว่างประเทศ คือกฎหมายที่มีกฎเกณฑ์ข้อบังคับเกิดจากความตกลงกันระหว่างประเทศ กฎหมายระหว่างประเทศแยกตามลักษณะความเกี่ยวพันประเภทใหญ่ๆ ได้ 3 ประเภท คือ กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมืองกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคลและกฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญากฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีเมือง เกิดขึ้นได้โดยข้อตกลงที่ทำขึ้นระหว่าง ประเทศต่อประเทศ หรืออาจมีประเทศอื่นเข้ามาร่วมเป็นสมาชิก หรือเป็นภาคีด้วย
กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีบุคคล เป็นกฎเกณฑ์ข้อบังคับว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนต่อเอกชน หรือระหว่างบุคคลที่อยู่ต่างรัฐ หรือต่างประเทศ
กฎหมายระหว่างประเทศแผนกคดีอาญา เป็นกฎหมายเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางอาญาที่เกี่ยวข้องกันระหว่างสองประเทศ และประเทศนั้นมีข้อตกลงรับรองให้ศาลแต่ละประเทศพิจารณาคดีหรือร่วมมือกันส่งผู้ร้ายข้ามแดนจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่งได้
ลำดับศักดิ์กฎหมายไทย