ศาล
ศาล
1. ศาลรัฐธรรมนูญ
เป็นองค์กรตุลาการ เป็น “ศาล” โดยการเข้ารับตำแหน่งจะต้องได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และก่อนเข้ารับหน้าที่ต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์และมีวิธีพิจารณาคดีอย่างศาล มีการออกนั่งพิจารณาบนบัลลังก์ในคดีที่มีการออกนั่งรับฟังข้อเท็จจริงหรือความเห็นเพิ่มเติม ซึ่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญจะมาจากกระบวนการสรรหาที่เป็นอิสระ เพื่อให้ได้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสม โดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 200 กำหนดให้ศาลรัฐธรรมนูญประกอบไปด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จำนวน 9 คน
หน้าที่และอำนาจหลักของศาลรัฐธรรมนูญ คือ การพิจารณาวินิจฉัยว่ากฎหมายหรือร่างกฎหมายมีความชอบด้วยรัฐธรรมนูญ คือไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ หรือกรณีที่เป็นร่างกฎหมายก็ต้องตราขึ้นโดยถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนั้นศาลรัฐธรรมนูญก็มีหน้าที่และอำนาจในการพิทักษ์รัฐธรรมนูญหรือรักษาความเป็นกฎหมายสูงสุดของรัฐธรรมนูญประการอื่นๆ อีกด้วย
2. ศาลยุติธรรม
ศาลยุติธรรม คือ องค์กรที่ทำหน้าที่พิพากษาคดีต่างๆทั้งทางแพ่งและอาญา รวมไปถึงกฎหมายพิเศษต่างๆตามที่กฎหมายกำหนด
ในส่วนของรูปแบบในการพิจารณาคดีของศาลยุติธรรมมีการกำหนดในพระธรรมนูญศาลยุติธรรมซึ่งแบ่งการพิจารณาออกเป็น 3 ชั้นศาล คือ ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ซึ่งในการบริหารศาลยุติธรรมมี ประธานศาลฎีกา เป็นผู้บริหารสูงสุด
ศาลชั้นต้น
คือ ศาลเริ่มต้นในการพิจารณาคดีทั่วๆไป ซึ่งศาลชั้นต้นมีการแบ่งอำนาจในการพิจารณาพิพากษาคดีออกตามจำนวนทุนทรัพย์ที่ฟ้องหรือตามฐานความผิด โดยพิจารณาจากอัตราโทษที่กฎหมายกำหนด
ศาลแขวง
มีอำนาจพิจารณา คดีแพ่งที่มีทุนทรัพย์ที่ฟ้องไม่เกิน 300,000 บาท หรือในคดีอาญา คือ คดีที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ศาลจังหวัด
มีอำนาจพิจารณา พิจารณาทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา ซึ่งตั้งอยู่ตามจังหวัดหรืออำเภอต่างๆกระจายอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งชื่อของศาลจังหวัดเป็นแต่เพียงเขตอำนาจของศาลนั้นๆ มิได้หมายความตามภูมิศาสตร์ที่ตั้ง ในจังหวัดหนึ่งอาจมีมากกว่า 1 ศาล เช่น ศาลจังหวัดชัยบาดาล ซึ่งตั้งอยู่ในอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี
ศาลชั้นต้นในเขตกรุงเทพ
มีอำนาจพิจารณา คดีแพ่งและคดีอาญาในเขตกรุงเทพมหานคร เนื่องจากเป็นเขตปกครองพิเศษและมีคดีความมาก
ศาลชั้นต้นในกรุงเทพ มีดังต่อไปนี้ ศาลแพ่ง ศาลอาญา ศาลแพ่งธนบุรี ศาลอาญา ธนบุรี ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และศาลอาญากรุงเทพใต้
ในเดือนสิงหาคม 2562 จะมีการเปิดทำการศาลชั้นต้นขนาดใหญ่ขึ้นอีก 6 แห่งในเขตกรุงเทพมหานคร คือ ศาลแพ่งมีนบุรี ศาลอาญามีนบุรี ศาลแพ่งตลิ่งชัน ศาลอาญาตลิ่งชัน ศาลแพ่งพระโขนง และศาลอาญาพระโขนง
โดยเมื่อพิจารณาเฉพาะคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลจังหวัดปรากฏว่ามีจำนวนปริมาณคดีรับใหม่ เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับปริมาณคดีรับใหม่ของศาลแพ่ง ศาลอาญา ศาลแพ่งธนบุรี ศาลอาญาธนบุรี ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร เพื่อให้การพิจารณาคดีเกิดความเป็นเอกภาพและส่งเสริมให้กระบวนการยุติธรรม มีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ศาลชำนัญพิเศษ
มีอำนาจพิจารณา พิพากษาคดีตามที่กฎหมายให้อำนาจซึ่งเป็นคดีอาญาธรรมดาไม่ใช่คดีแพ่ง
ศาลชำนัญพิเศษ มีดังต่อไปนี้ ศาลล้มละลาย, ศาลแรงงาน, ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ, ศาลภาษีอากร, ศาลเยาวชนและครอบครัว
ศาลอุทธรณ์
มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีที่คู่ความอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นที่อยู่ในเขตอำนาจทั้งคดีแพ่งและคดีอาญา เว้นแต่บทบัญญัติกฎหมายมีข้อจำกัดในการอุทธรณ์หรือกำหนดให้คำพิพากษา หรือคำสั่งเป็นที่สุด
โดยการพิจารณาพิพากษาคดีของศาลอุทธรณ์มีลักษณะการตรวจสอบ หรือการทบทวนไม่ใช่เป็นการพิจารณาคดีใหม่ และไม่มีการสืบพยานในศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์มีอยู่จำนวนทั้งสิ้น 10 ศาล โดยแบ่งกันตามภูมิภาค ดังนี้
v ศาลอุทธรณ์กลาง
v ศาลอุทธรณ์ภาค 1-9
ศาลฎีกา
คือ ศาลสุดท้ายในกระบวนการพิจารณาของศาลยุติธรรม โดยศาลฎีกาจะพิจารณาคดีที่ผ่านการพิจารณาจากศาลอุทธรณ์แล้ว รูปแบบการพิจารณาคดีคล้ายศาลอุทธรณ์ คือ ไม่มีการสืบพยาน (เว้นแต่คดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง)
3. ศาลปกครอง
มีหน้าที่พิจารณาคดีปกครองระหว่างรัฐกับราษฎร หรือระหว่างองค์กรของรัฐ ด้วยกันเอง ทั้งนี้ เป็นศาลที่จัดตั้งขึ้นโดยเฉพาะ แยกต่างหากจากศาลยุติธรรม
ศาลปกครองเป็นศาลที่ใช้ ระบบไต่สวน โดยในแต่ละคดีจะมีการพิจารณาโดยองค์คณะของตุลาการ ต่างจากศาลยุติธรรมซึ่งใช้ ระบบกล่าวหา
ซึ่งรูปแบบในการพิจารณาคดีของศาลปกครองจะแบ่งออกเป็น 2 ชั้น คือ ศาลปกครองชั้นต้นและศาลปกครองสูงสุด ซึ่งในแต่ละชั้นจะมีคณะตุลาการศาลปกครองทำหน้าที่พิจารณาวินิจฉัยคดี โดยผู้บริหารสูงสุด คือ ประธานศาลปกครอง
ศาลปกครองชั้นต้น
ศาลปกครองกลาง มีอำนาจตัดสินคดีในเขตกรุงเทพมหานคร และอีก 7 จังหวัดใกล้เคียง หรือคดีที่ยื่นฟ้องที่ศาลปกครองกลาง
ศาลปกครองในภูมิภาค ปัจจุบันมี 7 แห่ง ที่จังหวัดเชียงใหม่ สงขลา นครราชสีมา ขอนแก่น พิษณุโลก ระยอง และนครศรีธรรมราช
ศาลปกครองสูงสุด มีอยู่แห่งเดียวที่กรุงเทพมหานคร
4. ศาลทหาร
มีอำนาจพิจารณา วางบทลงโทษผู้กระทำผิดต่อกฎหมายทหารหรือกฎหมายอื่นในทางอาญา ในคดีซึ่งผู้กระทำผิดเป็นบุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารในขณะกระทำผิด และมีอำนาจสั่งลงโทษบุคคลใด ๆ ที่กระทำผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
คดีที่ไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร คือ
1. คดีที่บุคคลที่อยู่ในอำนาจศาลทหารกับบุคคลที่มิได้อยู่ในอำนาจศาลทหารกระทำผิดด้วยกัน
2. คดีที่เกี่ยวพันกับคดีที่อยู่ในอำนาจศาลพลเรือน
3. คดีที่ต้องดำเนินในศาลคดีเด็กและเยาวชน
4. คดีที่ศาลทหารเห็นว่าไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร
ศาลทหารเป็นศาลเดียวที่อยู่ภายใต้หน่วยงานฝ่ายบริหาร คือ กระทรวงกลาโหม
ศาลทหารในเวลาปกติ คือ ศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีในระยะเวลาปกติไม่ได้มีการประกาศกฎอัยการศึกหรือสงคราม รูปแบบพิจารณาคดีมี 3 ขั้น = ศาลทหารชั้นต้น , ศาลทหารกลาง , ศาลทหารสูงสุด
ศาลทหารในเวลาไม่ปกติ คือ ศาลที่มีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีในเวลาที่มีการรบหรือได้ประกาศกฎอัยการศึก มีอยู่ชั้นเดียว
ศาลอาญาศึก เกิดขึ้นโดยตั้งอยู่ในยุทธภูมิที่มีการทำสงคราม