ครอบครัว
ครอบครัว
กฎหมายครอบครัวนั้นเดิมเรียกว่า “กฎหมายลักษณะผัวเมีย” ซึ่งเป็นกฎหมายลักษณะหนึ่งของกฎหมายตราสามดวง ต่อมามีการใช้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ครอบครัวขึ้นใช้บังคับแทน
การบังคับใช้กฎหมายครอบครัวนั้นได้มีการผ่อนปรนไม่นำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 5 ครอบครัว ไปใช้ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล
มีการนำกฎหมายอิสลามว่าด้วยครอบครัวมาบังคับใช้แทน โดยให้ดะโต๊ะยุติธรรม 1 นาย นั่งพิจารณาคดีร่วมกับผู้พิพากษา ดะโต๊ะยุติธรรมเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมายอิสลาม คำวินิจฉัยในข้อกฎหมายของดะโต๊ะยุติธรรมถือเป็นเด็ดขาดจะอุทธรณ์ ฎีกา ไม่ได้
ปัจจุบันข้อพิพาทเกี่ยวกับครอบครัวต้องฟ้องต่อ ศาลเยาวชนและครอบครัว
สัญญาที่ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงตกลงกันว่าจะทำการสมรสตามกฎหมายต่อไป กฎหมายไม่ได้บังคับว่าจะต้องมีการหมั้นก่อนการสมรส ชายหญิงอาจสมรสกันโดยไม่จำเป็นต้องหมั้นก่อนก็ได้
« เงื่อนไขของการหมั้น
1) อายุของคู่หมั้น
ชายและหญิงจะทำการหมั้นกันได้ทั้งคู่ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 17 ปีบริบูรณ์ หากคนใดคนหนึ่งมีอายุต่ำกว่า 17 ปีบริบูรณ์ การหมั้นนั้นย่อมตกเป็น “โมฆะ” ชายและหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปีจะขออนุญาตศาลทำการหมั้นไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ ต่างจากการสมรสซึ่งหากมีเหตุอันสมควรศาลอาจอนุญาตให้ชายหรือหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี ทำการสมรสได้
2) ความยินยอมของผู้แทนโดยชอบธรรม
ในกรณีที่ผู้เยาว์ทำการหมั้น ผู้เยาว์จะทำการหมั้นได้ต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทนโดยชอบธรรมก่อน มิเช่นนั้นการหมั้นจะตกเป็น “โมฆียะ”
« แบบของการหมั้น
การหมั้นสามารถกระทำด้วยวาจาหรือลายลักษณ์อักษรก็ได้ แต่ฝ่ายชายจะต้องส่งมอบ “ของหมั้น” ให้แก่ฝ่ายหญิงขณะทำการหมั้น มิฉะนั้นการหมั้น “ไม่สมบูรณ์”
« กรณีที่หญิงต้องคืนของหมั้น
1) ฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น การผิดสัญญาหมั้น หมายถึง การไม่ยอมสมรสโดยไม่มีเหตุอันจะอ้างกฎหมายได้ เมื่อหญิงผิดสัญญาหมั้นหญิงต้องคืนของหมั้นแก่ฝ่ายชาย
2) ชายบอกเลิกสัญญาหมั้นเนื่องจากมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่หญิงคู่หมั้นอันทำให้ชายคู่หมั้นไม่สมควรสมรสด้วย
3) คู่หมั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งบอกล้างสัญญาหมั้นที่เป็นโมฆียะ ทำให้คู่กรณีทั้งสองฝ่ายกลับคืนสู่สถานะเดิมเสมือนไม่มีการหมั้นเกิดขึ้น
« กรณีที่หญิงต้องไม่ต้องคืนของหมั้น
1) ฝ่ายชายเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น
2) หญิงบอกเลิกสัญญาหมั้น เนื่องจากมีเหตุอันสำคัญอันเกิดแก่ชายคู่หมั้นอันทำให้หญิงคู่หมั้นไม่สมควรสมรสด้วย
3) คู่หมั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย
ข้อสังเกต หากมีการผิดสัญญาหมั้น ฝ่ายที่ไม่ได้ผิดสัญญาหมั้นจะฟ้องบังคับให้ฝ่ายที่ผิดสัญญาหมั้นให้ทำการสมรสกับตนไม่ได้ เพราะการสมรสต้องเกิดจากความสมัครใจทั้งสองฝ่าย
« กรณีที่ฝ่ายชายเรียกสินสอดคืนได้
1) กรณีไม่มีการสมรสโดยมีเหตุสำคัญอันเกิดแก่หญิง ทำให้ชายไม่สมควรหรือไม่อาจสมรสกับหญิงนั้น
2) กรณีไม่มีการสมรสโดยพฤติการณ์ซึ่งฝ่ายหญิงต้องรับผิดชอบทำให้ชายไม่สมควรหรือไม่อาจสมรสกับหญิงนั้น
ทรัพย์สินที่ฝ่ายชายส่งมอบหรือโอนให้แก่ฝ่ายหญิงเพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสกับหญิงนั้น เมื่อหมั้นแล้วของหมั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของฝ่ายหญิงทันที
ทรัพย์สินที่ฝ่ายชายมอบให้แก่บิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือผู้ปกครองของหญิงที่ตนจะสมรสด้วย เพื่อตอบแทนที่หญิงยอมสมรสกับชาย
การตกลงระหว่างชายและหญิงที่จะอยู่กินฉันสามีภริยา โดยการจดทะเบียนสมรสเพื่อก่อสถานะเป็นสามีภริยาที่ชายด้วยกฎหมาย
« เงื่อนไขของการสมรส
1) ชายหญิงต้องอายุครบ 17 ปีบริบูรณ์แล้วทั้งสองคน
หากคู่สมรสคนใดคนหนึ่งอายุต่ำกว่า 17 ปี การสมรสนั้นเป็น “โมฆียะ” อย่างไรก็ดี ในกรณีที่มีเหตุอันสมควรศาลอาจอนุญาตให้ชายหญิงที่มีอายุต่ำกว่า 17 ปี ทำการสมรสกันได้
2) ชายและหญิงต้องไม่เป็นญาติสืบสายโลหิตโดยตรงทั้งขึ้นไปและลงมา ไม่เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา หรือร่วมแต่บิดาหรือมารดาญาติทางสายโลหิตที่กฎหมายห้ามมิให้สมรสด้วยกัน มิฉะนั้นการสมรสจะเป็น “โมฆะ”
2.1) ญาติสืบสายโลหิตโดยตรงขึ้นไป ได้แก่ บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย ทวด
2.2) ญาติสืบสายโลหิตโดยตรงลงมา ได้แก่ ลูก หลาน เหลน ลื่อ
2.3) พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
2.4) พี่น้องร่วมแต่บิดาหรือมารดาเดียวกัน
3) ชายหรือหญิงต้องไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือคนไร้ความสามารถ
หากคู่สมรสคนใดคนหนึ่งเป็นบุคคลวิกลจริตหรือคนไร้ความสามารถ การสมรสนั้นเป็น “โมฆะ” แต่หากคู่สมรสคนใดคนหนึ่งเป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ การสมรสนั้นย่อมสมบูรณ์
4) ผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรมจะสมรสกันไม่ได้
ถ้าบุคคลทั้งสองสมรสกัน การสมรสนั้นสมบูรณ์ แต่มีผลทำให้การรับบุตรบุญธรรมยกเลิกไป
5) ชายหรือหญิงจะสมรสกันขณะตนมีคู่สมรสอยู่ก่อนแล้วไม่ได้
การสมรสที่คู่สมรสคนใดคนหนึ่งมีคู่สมรสอยู่ก่อนแล้วเรียกว่า “การสมรสซ้อน” มีผลทำให้การสมรสในครั้งหลังเป็น “โมฆะ”
6) ชายและหญิงทั้งสองคนต้องสมรสโดยยินยอมเป็นสามีภริยากัน
หากคู่สมรสคนใดคนหนึ่งไม่ยินยอมสมรสด้วยหรือยินยอมสมรสด้วยแต่ไม่มีเจตนาเป็นสามีภริยากัน การสมรสนั้นเป็น “โมฆะ”
7) หญิงหม้ายจะทำการสมรสใหม่ได้ต่อเมื่อการสมรสเดิมสิ้นสุดลงผ่านพ้นไปแล้วไม่น้อยกว่า 310 วัน
เพื่อป้องกันปัญหาว่าใครเป็นบิดาของเด็กที่อาจเกิดมาในระหว่างนั้น หากหญิงหม้ายสมรสใหม่ภายใน 310 วัน นับแต่การสมรสเดิมสิ้นสุดลง การสมรสนั้นก็สมบูรณ์ เพียงแต่หากเด็กคลอดออกมาในระยะเวลา 310 วันนับแต่วันที่การสมรสเดิมสิ้นสุดลง กฎหมายจะสันนิษฐานว่าสามีใหม่เป็นบิดาของเด็กคนดังกล่าว
8) ผู้เยาว์ต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดา ผู้รับบุตรบุญธรรม หรือผู้ปกครองให้ทำการสมรส
ชายและหญิงที่สมรสกันก่อนอายุ 20 ปีบริบูรณ์จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้แทน โดยชอบธรรมก่อน มิฉะนั้นการสมรสเป็น “โมฆียะ”
9) การสมรสต้องไม่บกพร่องในการแสดงเจตนา
คือ การสมรสต้องไม่สำคัญผิดในตัวคู่สมรส ไม่ถูกกลฉ้อฉล และไม่ถูกข่มขู่ หากการสมรสโดยการสำคัญผิดในตัวคู่สมรสหรือถูกกลฉ้อฉลหรือถูกข่มขู่ การสมรสนั้นเป็น “โมฆียะ”
1) สินส่วนตัว
คือ ทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ของสามีภริยาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะ กล่าวคือ สินส่วนตัวของสามีก็เป็นของสามีแต่เพียงผู้เดียว ภริยาไม่มีส่วนเป็นเจ้าของด้วย
สินส่วนตัว มี 4 ประเภท ได้แก่
1.1) ทรัพย์สินที่สามีหรือภริยามีอยู่ก่อนสมรส
1.2) เครื่องใช้สอยส่วนตัว เครื่องแต่งกาย หรือเครื่องประดับตามควรแก่ฐานะหรือเครื่องมือเครื่องใช้ที่จำเป็นในการประกอบอาชีพหรือวิชาชีพของสามีหรือภริยา
1.3) ทรัพย์สินที่สามีหรือภริยาได้มาโดยการรับมรดกหรือการใช้โดยเสน่หา
1.4) ของหมั้น
2) สินสมรส
ทรัพย์สินที่เป็นกรรมสิทธิ์ร่วมกันของสามีและภริยา โดยสามีและภริยามีส่วนในทรัพย์สินนั้นคนละครึ่ง
สินสมรส มี 3 ประเภท ได้แก่
2.1) ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส หมายถึง ทรัพย์สินทุกชนิดที่ได้มาหลังวันจดทะเบียนสมรส
2.2) ทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรสโดยพินัยกรรมหรือหนังสือระบุให้เป็นสินสมรส
2.3) ทรัพย์สินที่เป็นดอกผลของสินส่วนตัว
1) คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถึงแก่ความตาย
การตายที่ทำให้การสมรสสิ้นสุดลง หมายถึง การตายตามธรรมชาติ ไม่รวมถึงการตายโดยผลของกฎหมายหรือการสาบสูญ ซึ่งเป็นเพียงเหตุหย่าเท่านั้น
2) ศาลพิพากษาให้เพิกถอนการสมรสที่เป็นโมฆียะ
3) คู่สมรสหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากัน
การหย่าอันทำให้การสมรสสิ้นสุดลงมี 2 ประเภท คือ
3.1) การหย่าโดยความยินยอมของทั้งสองฝ่าย
3.2) การหย่าโดยคำพิพากษาของศาล เหตุฟ้องหย่า มี 12 ประการ ได้แก่
3.2.1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ
3.2.2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ เป็นเหตุให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับความขายหน้าอย่างร้ายแรง หรือถูกดูถูกเกลียดชัง
3.2.3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกาย จิตใจ หรือหมิ่นประมาทเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่ง หรือบุพการีอีกฝ่ายหนึ่งอย่างร้ายแรง
3.2.4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกิน 1 ปี
3.2.5) สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดและได้จำคุกเกิน 1 ปี
3.2.6) สามีหรือภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะอยู่ด้วยกันโดยปกติสุขไม่ได้หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกิน 3 ปี
3.2.7) สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญหรือหายไปเกิน 3 ปี
3.2.8) สามีหรือภริยาไม่อุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งจนเป็นที่เดือดร้อน หรือทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการเป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง
3.2.9) สามีหรือภริยาวิกลจริตติดต่อกันเกิน 3 ปี
3.2.10) สามีหรือภริยาประพฤติผิดหนังสือทัณฑ์บนที่ทั้งคู่ทำกันไว้
3.2.11) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่อร้ายแรง
3.2.12) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกายที่ไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล
« คุณสมบัติของผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรม
1) ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 25 ปี
2) ผู้รับบุตรบุญธรรมต้องมีอายุมากกว่าบุตรบุญธรรมอย่างน้อย 15 ปี
« เงื่อนไขในการรับบุตรบุญธรรม
1) ความยินยอมของบุตรบุญธรรม ถ้าผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีอายุเกิน 15 ปี การรับบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรม
2) ความยินยอมของบิดามารดา การรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมต้องได้รับความยินยอมจากบิดามารดาของผู้เยาว์ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมเสียก่อน
3) ความยินยอมของคู่สมรสของผู้รับบุตรบุญธรรมและบุตรบุญธรรม ถ้าผู้รับบุตรบุญธรรมหรือผู้ที่จะเป็นบุตรบุญธรรมมีคู่สมรสอยู่ต้องได้รับความยินยอมจากคู่สมรสก่อน
« ผลของการรับบุตรบุญธรรม
1) บุตรบุญธรรมมีฐานะเช่นเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของผู้รับบุตรบุญธรรม
2) บิดามารดาโดยกำเนิดของบุตรบุญธรรมหมดอำนาจปกครองบุตรบุญธรรมของตนตั้งแต่วันที่จดทะเบียนรับบุตรบุญธรรม และผู้รับบุตรบุญธรรมเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรบุญธรรม
3) บุตรบุญธรรมไม่สูญสิทธิและหน้าที่ในครอบครัวเดิม
« การเลิกรับบุตรบุญธรรม
1) บุตรบุญธรรมกับผู้รับบุตรบุญธรรมตกลงเลิกรับบุตรบุญธรรม
2) บุตรบุญธรรมสมรสกับผู้รับบุตรบุญธรรม
3) ผู้รับบุตรบุญธรรมหรือบุตรบุญธรรมฟ้องการรับบุตรบุญธรรม