มรดก
มรดก
การบังคับใช้กฎหมายมรดกนั้นได้มีการผ่อนปรนไม่นำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 มรดก ไปใช้ใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่ ปัตตานี นราธิวาส ยะลา และสตูล
“มรดก” ของผู้ตาย หมายถึง ทรัพย์สินของผู้ตาย รวมถึงสิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบต่างๆของผู้ตายที่มีอยู่ขณะตาย เว้นแต่ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวโดยแท้ของผู้ตาย
« ผู้มีสิทธิได้รับมรดก
1) ทายาทโดยธรรม ได้แก่ ญาติ และคู่สมรสคือ สามีและภริยาของผู้ตาย
ลำดับที่ 1 ผู้สืบสันดาน ได้แก่ บุตรของผู้ตาย ซึ่งอาจจะได้แก่บุตรในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(ก) บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก ได้แก่ บุตรประเภทใดประเภทหนึ่งต่อไปนี้
(1) บุตรที่เกิดจากบิดา (ซึ่งเป็นเจ้ามรดก) กับมารดาซึ่งบิดามารดานั้นนั้นได้จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย
(2) บุตรบุญธรรมของเจ้ามรดก กล่าวคือ เป็นบุคคลที่เจ้ามรดกได้จดทะเบียนรับเป็นบุตรบุญธรรม
(3) บุตรซึ่งบิดา (ซึ่งเป็นเจ้ามรดก) กับมารดาได้จดทะเบียนสมรสกันภายหลังจากที่บุตรได้เกิดแล้ว
(ข) บุตรนอกกฎหมาย หมายถึง บุตรที่บิดา (ซึ่งเป็นเจ้ามรดก) ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดา แต่มีพฤติการณ์ที่เปิดเผยบางอย่างของบิดาที่เป็นการรับรองว่าเด็กนั้นเป็นบุตรของตน
ลำดับที่ 2 บิดามารดาของเจ้ามรดก ในกรณีของบิดา บิดานั้นจะต้องเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดก ถ้าเป็นบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย (กล่าวคือ ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับมารดาของเจ้ามรดก) แม้ว่าจะได้มีพฤติการณ์รับรองบุตรนอกกฎหมายว่าเจ้ามรดกเป็นบุตรตน ดังกล่าวในข้อ ข. ก็ตาม ก็ไม่มีสิทธิได้รับมรดกของบุตรตน ส่วนมารดานั้นย่อมเป็นมารดาโดยชอบด้วยกฎหมายของเจ้ามรดกเสมอ ไม่ว่าจะจดทะเบียนสมรสกับบิดาของเจ้ามรดกหรือไม่ก็ตาม
ข้อสังเกต
(1) บิดามารดาบุญธรรม ไม่มีสิทธิรับมรดกของบุตรบุญธรรม
(2) ในกรณีที่บิดาหรือมารดาทำการสมรสใหม่ หลังจากขาดการสมรสแล้ว แม่เลี้ยง หรือพ่อเลี้ยงย่อมไม่มีสิทธิรับมรดกของลูกเลี้ยง
(3) ลูกเขยไม่มีสิทธิได้รับมรดกของพ่อตา หรือแม่ยาย และพ่อตาแม่ยายก็ไม่มีสิทธิรับมรดกของลูกเขยเช่นกัน
(4) ลูกสะใภ้ไม่มีสิทธิรับมรดกของแม่สามีหรือพ่อสามี และแม่สามีหรือพ่อสามีก็ไม่มีสิทธิรับมรดกของลูกเขยเช่นกัน
(5) ลูกสะใภ้ไม่มีสิทธิรับมรดกของแม่สามีหรือพ่อสามมี และแม่สามีหรือพ่อสามีก็ไม่มีสิทธิรับมรดกของลูกสะใภ้เช่นกัน
ลำดับที่ 3 พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกันกับเจ้ามรดก
ลำดับที่ 4 พี่น้องร่วมแต่บิดา หรือพี่น้องร่วมแต่มารดาของเจ้ามรดก
ลำดับที่ 5 ปู่ ย่า ตา ยาย ของเจ้ามรดก
ลำดับที่ 6 ลุง ป้า น้า อา ของเจ้ามรดก
นิติกรรมซึ่งบุคคลได้แสดงเจตนาฝ่ายเดียวกำหนดการเผื่อตายในเรื่องทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ ตลอดจนความรับผิดของตนเมื่อตนได้ตายไปแล้ว
โดยนิติกรรมต้องทำตามแบบที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น และพินัยกรรมจะมีผลเมื่อผู้ทำพินัยกรรมตาย
« ผู้ทำพินัยกรรม
1) ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องมีอายุอย่างน้อย 15 ปีบริบูรณ์ หากพินัยกรรมกระทำโดยบุคคลที่มีอายุไม่คบ 15 ปีบริบูรณ์ พินัยกรรมนั้นตกเป็น “โมฆะ”
2) คนไร้ความสามารถจะทำพินัยกรรมไม่ได้ พินัยกรรมที่ทำขึ้นโดยคนไร้ความสามารถ ย่อมตกเป็น “โมฆะ”
3) พินัยกรรมที่ทำขึ้นโดยคนวิกลจริตจะตกเป็น “โมฆะ” ก็ต่อเมื่อพิสูจน์ได้ว่าผู้นั้นทำพินัยกรรมในขณะที่จริตวิกล หากผู้นั้นทำพินัยกรรมในขณะไม่ได้จริตวิกล พินัยกรรมนั้นมีผล “สมบูรณ์”
4) คนเสมือนไร้ความสามารถ ทำพินัยกรรมได้โดยไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ พินัยกรรมที่คนเสมือนไร้ความสามารถทำย่อมมีผล “สมบูรณ์”
« บุคคลที่ไม่สามารถเป็นผู้รับพินัยกรรมได้
1) ผู้เขียนพินัยกรรมและคู่สมรสของผู้เขียนพินัยกรรม
2) พยานในพินัยกรรมและคู่สมรสของพยานในพินัยกรรม
3) พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้จดแจ้งข้อความแห่งพินัยกรรมแบบทำด้วยวาจาและคู่สมรสของพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น
4) ในกรณีผู้เยาว์ทำพินัยกรรม ผู้ปกครองผู้เยาว์ รวมไปถึงคู่สมรส บุพการี หรือผู้สืบสันดาน หรือพี่น้องของผู้ปกครองจะเป็นผู้รับพินัยกรรมไม่ได้ เว้นแต่ผู้ปกครองได้ทำแถลงการณ์ปกครองแล้ว
« บุคคลที่ไม่สามารถเป็นพยานในการทำพินัยกรรมได้
1) บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
2) คนไร้ความสามารถ หรือคนวิกลจริต หรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
3) บุคคลที่หูหนวก หรือเป็นใบ้ หรือตาบอดทั้งสองข้าง
« แบบของพินัยกรรม
พินัยกรรมต้องทำให้ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนด หากมิได้ทำให้ถูกต้องตามแบบที่กฎหมายกำหนดไว้ พินัยกรรมนั้นย่อมตกเป็น “โมฆะ”
โดยกฎหมายกำหนดแบบของพินัยกรรมไว้ 5 แบบ คือ
1) พินัยกรรมแบบธรรมดา
เป็นรูปแบบพินัยกรรมที่นิยมทำกันมาก ต้องทำเป็น หนังสือ ลงวันเดือนปีขณะทำพินัยกรรม ผู้ทำพินัยกรรมลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคน
นอกจากนี้ คนที่เป็นพยานต้องลงลายมือชื่อเท่านั้น จะพิมพ์ลายนิ้วมือไม่ได้ และที่สำคัญต้องลงลายมือชื่อพยานสองคนพร้อมกันต่อหน้าผู้ทำพินัยกรรมด้วย สำหรับกรณีผู้ทำพินัยกรรมลงลายพิมพ์นิ้วมือก็ต้องให้พยานลงลายมือชื่อรับรองลายพิมพ์นิ้วมือด้วย
2) พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ
ผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนข้อความเองทั้งหมดทั้งฉบับ จะเขียนบ้างพิมพ์บ้างไม่ได้ และต้องลงลายมือชื่อไว้ด้วย โดยไม่จำเป็นต้องมีพยานก็ได้
3) พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง
ต้องไปหานายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตให้เป็นผู้จัดทำให้ โดยผู้ทำพินัยกรรมและพยานสองคนลงลายมือชื่อในพินัยกรรมแล้ว นายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตจะเขียนรับรองพินัยกรรม พร้อมประทับตราประจำตำแหน่ง
4) พินัยกรรมแบบเอกสารลับ
ผู้ทำพินัยกรรมเขียนหรือพิมพ์เอง หรือให้ผู้อื่นทำให้ก็ได้ เมื่อลงลายมือชื่อในพินัยกรรมแล้วให้ใส่ซองปิดผนึก และลงลายมือชื่อตรงรอยผนึกนั้น พร้อมทั้งนำพยานสองคนไปให้ถ้อยคำต่อนายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตเพื่อบันทึกไว้บนซองเอกสารนั้น โดยให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อไว้บนซอง และให้นายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตเก็บรักษาไว้
5) พินัยกรรมแบบวาจา
ต้องเป็นในภาวะฉุกเฉินเท่านั้น เช่น มีอุบัติเหตุร้ายแรงและใกล้ตาย ผู้ทำพินัยกรรมด้วยวาจาจะต้องแสดงเจตนาว่าจะยกทรัพย์สินให้ใครต่อหน้าพยานสองคน จากนั้นพยานรีบไปแจ้งวันเดือนปีและข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมสั่งไว้ต่อนายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขต ให้นายอำเภอหรือผู้อำนวยการเขตจดข้อความ แล้วให้พยานลงลายมือชื่อไว้
« ผู้จัดการมรดก
เป็นบุคคลที่มีหน้าที่รวบรวมทรัพย์สินของเจ้ามรดกเพื่อชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของเจ้ามรดกและแบ่งปันทรัพย์สินดังกล่าวให้แก่ทายาทของเจ้ามรดก
« การจัดตั้งผู้จัดการมรดก
1) การตั้งผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรม
2) การตั้งผู้จัดการมรดกโดยคำสั่งศาล
3) การตั้งผู้จัดการมรดกโดยทายาทตกลงร่วมกัน
« บุคคลที่ไม่สามารถเป็นผู้จัดการมรดก
1) บุคคลที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
2) บุคคลวิกลจริต หรือบุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ
3) บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนล้มละลาย