องค์ประกอบของรัฐ
องค์ประกอบของรัฐ
รัฐ (State)
คือ ชุมชนทางการเมืองที่มีประชากรจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่ในดินแดนที่มีอาณาเขตแน่นอน และมีรัฐบาลเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยปกครองเหนือดินแดนนั้น
องค์ประกอบรัฐ
1) ดินแดน : จะต้องมีอาณาเขตแผ่นดิน น่านน้ำและน่านฟ้าที่แน่นอน, มีขนาดเล็กหรือใหญ่เท่าใดก็ได้, มีพื้นที่ต่อเนื่องกันหรือไม่ก็ได้ เช่น ประเทศอินโดนีเซียมีภูมิประเทศเป็นเกาะไม่ต่อเนื่องกัน หรือรัฐวาติกันมีพื้นที่เพียง 0.44 ตร.กม.
2) ประชากร : จะต้องมีประชากรจำนวนหนึ่งอาศัยอยู่อย่างต่อเนื่องยาวนานพอสมควร มากหรือน้อยไม่มีความสำคัญ เช่น รัฐวาติกัน มีประชากรประมาณ 800 คน, ประเทศไทยมีประชากรประมาณ 65 ล้านคน, ประเทศจีนมีประชากรมากกว่า 1,000 ล้านคน
3) อำนาจอธิปไตย : อำนาจสูงสุดในการปกครองรัฐอิสระ ปราศจากการควบคุมจากรัฐอื่น หากขาดองค์ประกอบนี้ไปจะไม่มีสภาพเป็นรัฐ แต่จะมีสภาพเป็นอาณานิคม เช่น ฮ่องกง มาเก๊า เป็นเขตปกครองพิเศษของประเทศจีน เป็นต้น
4) รัฐบาล : หน่วยงานที่มีอำนาจปกครองประเทศ โดยรัฐบาลอาจเปลี่ยนแปลงได้ตามวาระ
« ความแตกต่างระหว่างรัฐกับประเทศ
“ประเทศ” หมายถึง ชนชาติ คือ ประชาชนที่มีเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณีเดี่ยวกัน มีความเป็นมาทางประวัติศาสตร์เหมือนกัน
“รัฐ” หมายถึง ประชากร ประกอบด้วยหลายชนชาติหรือเชื้อชาติเดียว ซึ่งมีองค์ประกอบครบทั้ง 4 อย่าง คือ ประชากร ดินแดน รัฐบาล และอำนาจอธิปไตย
รูปแบบของรัฐ
1. รัฐเดี่ยว เป็นรัฐที่มีรัฐบาลเพียงรัฐบาลเดียวเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยปกครองอาณาเขต หรือดินแดนทั้งหมด ประชาชนที่อยู่ในรัฐถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลเดียวกัน รัฐอาจจะจัดระบบการปกครองให้มีหน่วยปกครองระดับรองกระจายอยู่ตามส่วนต่าง ๆ ของรัฐ เพื่อให้บริการหรือให้ความสะดวกแก่คนในรัฐ รัฐเดี่ยวนี้แม้จะมีการจัดตั้งหน่วยงานปกครองท้องถิ่น เพื่อให้คนในท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการปกครอง หรือดำเนินการพัฒนาด้านต่าง ๆ ในท้องถิ่น แต่ก็เป็นรูปแบบของการปกครองตนเอง หน่วยการปกครองท้องถิ่นนั้น ๆ ยังต้องอยู่ภายใต้กฎหมายที่ตราขึ้นมาจากส่วนกลาง คือ การปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องมีรัฐบาลกลางเป็นผู้ควบคุม การปกครองตนเองจะมีอำนาจมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับรัฐบาลแห่งชาติว่ามีความต้องการกระจายอำนาจเพียงใด กล่าวคือ อำนาจอธิปไตยมีศูนย์รวมอยู่ที่รัฐบาลในส่วนกลาง จึงทำให้การดำเนินงานของรัฐไม่ว่าจะเป็นการวางนโยบายหรือการบริหารต้องขึ้นอยู่กับการกำหนดและควบคุมดูแลของรัฐบาลกลางเป็นหลัก การปกครองแบบนี้มักเกิดขึ้นในประเทศที่มีอาณาเขตไม่กว้างขวางมาก ท้องถิ่นมีลักษณะไม่ต่างกันมาก และประชาชนในรัฐมีความเกี่ยวข้องผูกพันกันในทางประวัติศาสตร์ เช่น ไทย ฝรั่งเศส ซาอุดีอาระเบีย สิงคโปร์ เป็นต้น
2. รัฐรวม รัฐประเภทนี้ได้แก่ การที่รัฐอย่างน้อย 2 รัฐมารวมกันเป็นรัฐเดียว โดยแบ่งการใช้อำนาจอธิปไตยออกเป็นสัดส่วน มีรัฐบาล 2 ระดับ ได้แก่ รัฐบาลกลาง กับรัฐบาลท้องถิ่น รัฐบาลทั้ง 2 ระดับต่างมีอำนาจหน้าที่ของตนโดยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ โดยทั่ว ๆ ไป รัฐบาลกลางของรัฐรวมจะใช้อำนาจอธิปไตยในส่วนที่เกี่ยวกับผลประโยชน์ของรัฐทั้งหมด หรือผลประโยชน์อันเป็นส่วนรวมของรัฐ เช่น การติดต่อกับต่างประเทศ การรักษาความมั่นคงของชาติ การเงินและการคลัง เป็นต้น ส่วนรัฐบาลท้องถิ่นมีอำนาจในการดำเนินกิจการอันเกี่ยวข้องกับท้องถิ่นโดยเฉพาะ เช่น การจัดการศึกษา การรักษาความสงบภายใน การรักษาสุขภาพของประชาชนเป็นต้น รัฐรวมประกอบด้วยหลาย ๆ รัฐเข้ามารวมกันเป็นรัฐประชาชาติใหญ่ เรียกว่า สหพันธรัฐ เช่น สหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยมลรัฐต่าง ๆ ถึง 50 มลรัฐ สาธารณรัฐเยอรมนี มีรัฐต่าง ๆ รวมกันถึง 16 รัฐ เป็นต้น รัฐธรรมนูญของรัฐรวมหรือสหพันธรัฐแบ่งแยกอำนาจของรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นออกจากกันอย่างเด่นชัดว่า รัฐบาลใดมีขอบเขตของอำนาจหน้าที่อย่างไร ทั้งนี้เพื่อป้องกันความขัดแย้งอันอาจจะเกิดขึ้นได้ ปกติรัฐที่มีการปกครองแบบรัฐรวม มักจะเป็นรัฐหรือประเทศใหญ่ มีอาณาเขตกว้างขวาง มีภูมิประเทศและสภาพท้องถิ่นไม่เหมือนกัน เช่น สหพันธรัฐรัสเซีย ออสเตรเลีย บราซิล สหรัฐอเมริกา แคนาดา อินเดีย เป็นต้น
หลักการใช้อำนาจในการปกครอง
การรวมอำนาจ คือ การให้กระทรวง ทบวง กรม ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ แต่อำนาจการตัดสินใจอยู่ที่ส่วนกลาง คือ เมืองหลวง
การกระจายอำนาจ คือ การให้ประชาชนในท้องถิ่นมีอำนาจในการปกครองตนเองและมีส่วนร่วมทางการเมือง ให้อิสระในการพัฒนาท้องถิ่นนั้น ๆ ได้
การแบ่งแยกอำนาจ คือ ส่วนกลางส่งเจ้าหน้าที่ออกไปปฏิบัติงานในส่วนต่าง ๆ โดยให้อำนาจในการบริหารบาง อย่างแก่เจ้าหน้าที่